บาบา โอ รัม Baba au Rhum
บาบา โอ รัม Baba au Rhum แอดแก้วตาจะนำเสนอเมนูขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งแอดแก้วตาลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย นั่นคือบาบา โอ รัม อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก สูตรดั้งเดิมสำหรับบาบาโอรัม Baba au rhum สูตรนี้จาก Larousse Gastronomique ช่วยให้ส่วนผสมและขั้นตอนในการทำเค้กเรียบง่ายขึ้น เติมความอร่อยด้วยลูกเกดแช่เหล้ารัมลงในแป้งซึ่งประกอบด้วยไข่และเนยซึ่งอบในแม่พิมพ์แต่ละแบบ อร่อยปังๆถึงใจเพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ แอดแก้วตารับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก ไม่พูดพร่ำฮัมเพลง ไปลองทำกันเลยค่ะ มาทำบาบา โอ รัมกัน แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูบาบา โอ รัมกันเลยค่ะ
สูตรบาบา โอ รัม
– สูตรสำหรับแป้งโดว์
ลูกเกด 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
เหล้ารัม 300 มล. (1 1/4 ถ้วย)
เนย 100 กรัม (3.5 ออนซ์) อุณหภูมิห้อง
ยีสต์สด 25 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
ยีสต์แห้ง 2 ช้อนชา
น้ำอุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
แป้ง 250 กรัม (8.8 ออนซ์) ร่อนแล้ว
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
ไข่ 4 ฟอง
น้ำเชื่อม
น้ำเปล่า 1 ลิตร (4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ)
น้ำตาล 500 กรัม (1.1 ปอนด์)
เนย 50 กรัม (1.75 ออนซ์) สำหรับเคลือบ ละลาย
วิธีทำบาบา โอ รัม
ขั้นแรก ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มทำแป้ง แช่ลูกเกดในเหล้ารัม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนยได้นิ่มลงจนถึงความสม่ำเสมอของอุณหภูมิห้อง จากนั้นผสมยีสต์แห้งและสดกับน้ำอุ่นแล้วพักไว้
ในการทำแป้ง ให้ร่อนแป้งลงบนโต๊ะพื้นผิวเรียบ ปั้นเป็นหลุมในกองแป้ง แล้วใส่น้ำตาล เกลือเล็กน้อย ไข่สองฟอง และส่วนผสมของยีสต์ลงในบ่อน้ำ ใช้ไม้พายผสมส่วนผสมจนเข้ากัน
ตอนนี้ ใส่ไข่อีก 2 ฟองลงในแป้งโดยใส่ไข่หนึ่งฟองลงไปก่อน จากนั้นจึงใส่ลงไป ทำซ้ำเช่นเดียวกันกับไข่ใบที่สอง สุดท้าย ใส่เนยที่นิ่มแล้วนวดแป้งจนยืดหยุ่น จากนั้นใส่ลูกเกดแห้ง นำเหล้ารัมออกจากลูกเกดแล้วพักแป้งไว้ในที่อุ่น
แปรงแม่พิมพ์ dariole 16 ชิ้น – หรือแม่พิมพ์วงแหวนแต่ละชิ้น – ด้วยเนยละลาย เติมแป้งที่ตีขึ้นแล้วอบในเตาอบที่อุ่นไว้ที่ 200 ° C (400 ° F) เป็นเวลา 15-20 นาที เมื่ออบแล้ว นำออกมาวางบนตะแกรง ทิ้งไว้ให้เย็น
เตรียมตะแกรงลวดที่เพื่อนๆจะย้าย babas ที่สะเด็ดน้ำแล้วปล่อยให้เย็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีจานอยู่ใต้ตะแกรงเพื่อเก็บของเหลวส่วนเกิน จากนั้นทำน้ำเชื่อมจากน้ำและน้ำตาล และเมื่อต้มแล้ว ให้จุ่มบาบาแต่ละตัวในน้ำเชื่อมเดือดจนไม่มีฟองอากาศถูกปล่อยออกมา นำออกมาวางบนตะแกรงที่เตรียมไว้ ปล่อยให้เย็นสนิท
ตอนนี้ใส่บาบาสลงในเหล้ารัมที่สงวนไว้และปล่อยให้พวกเขาดูดซับของเหลวโดยการช้อนเหล้ารัมซ้ำแล้วซ้ำอีก
เสิร์ฟพร้อมวิปครีม ผลไม้สดหรือลูกเกดแช่เหล้ารัม ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/baba-au-rhum/recipe
ประวัติบาบา โอ รัม
เชื่อกันว่า Baba au rhum ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกโดยกษัตริย์โปแลนด์ที่ลี้ภัย Stanislaw I Leszczynski Nicholas Stohrer คนทำขนมของเขาไปทำงานให้กับธิดาของกษัตริย์ในแวร์ซายเมื่อเธอแต่งงานกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และต่อมาเขาก็เปิดร้านทำขนมของตัวเองในปารีสในปี 1730 ในขั้นต้น ของหวานนั้นเป็นเค้กแป้งยีสต์ทรงกระบอกที่มีลูกเกด แต่ ปรุงแต่งด้วยหญ้าฝรั่นและไวน์มาลากาหวาน แนวคิดในการปรุงเค้กยีสต์เหล่านี้ด้วยเหล้ารัมเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2378 บาบา อู รัม รุ่น savarin ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2387 โดย Julien Brothers ซึ่งเป็นผู้ทำขนมชาวปารีส อบในแม่พิมพ์ทรงกลม ไม่มีลูกเกด ในแป้งและปรุงรสด้วยน้ำเชื่อมเคิร์ช แอ๊บซินท์ และน้ำกุหลาบ
วัตถุดิบบาบา โอ รัม
raisins
ลูกเกด (Raisins) เป็นของแปรรูปจากองุ่น โดยการนำเอาองุ่นสดมาตากจนแห้งเป็นสีน้ำตาลจนเกือบเป็นสีดำ หรือในปัจจุบันจะมีการนำไปอบแห้ง แล้วสีของลูกเกดจะเป็นสีทอง เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ที่ยับยั้งการเกิดโรคความเสื่อมทั้งหลาย มีแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, ไนอาซิน, โฟลาซิน, วิตามิน A และวิตามิน C
rum
เหล้ารัม (Rum) เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อย โดยนำเอากากน้ำตาลหรือ Molasses ไปหมักและผลิตออกมาเป็นสุรา แหล่งผลิตเหล้ารัมส่วนใหญ่ของโลกนั้นมาจากแถบหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนและบางพื้นที่ของประเทศในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
yeast
ยีสต์ (Yeast) คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตได้โดยการย่อยอาหาร และยีสต์คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการหมัก (Fermentation) ดังนั้นเมื่อเราอบขนมปังที่มีการใส่ยีสต์เป็นส่วนผสมลงไป ยีสต์จะหมักน้ำตาลในแป้ง และปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เนื่องจากแป้งมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์จึงไม่สามารถหลบหนีได้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จึงทำให้เกิดการขยายตัว หรือทำให้แป้งพองตัวมีขนาดขยายใหญ่
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
eggs
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้
syrup
ไซรัป (Syrup) หรือที่รู้จักในภาษาไทยว่า “น้ำเชื่อมหรือยาน้ำเชื่อม” คือสารให้ความหวานผลิตจากกธรรมชาติที่นำมาปรุงแต่งและผ่านกรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้ได้ออกมาเป็นสิ่งที่สามารถรับประทานได้ ส่วนประกอบหลักของไซรัปจะมีน้ำตาลกลูโครสอยู่ หรืออาจมีสารให้ความหวานอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วย
Post Views:
1,367