ขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม Bread Pudding
ขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม Bread Pudding ถ้าคุณกำลังหาสูตรทีเด็ดของขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม แอดกอหญ้าว่าโป๊ะเช๊ะเลยค่ะ สูตรนี้คือสูตรของเพื่อนๆ ถูกต้องแล้วค่ะแอดกอหญ้าขอนำเสนอขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม ขนมปังพุดดิ้ง ที่รู้จักมานานหลายศตวรรษว่าเป็นวิธีการง่ายๆ ในการนำขนมปังเก่ามาทำให้อร่อยเห่ะ แค่มีของไม่กี่อย่างในครัวและมี ขนมปัง แค่นี้ก็ได้ของหวานแสนวิเศษแล้วละค่ะ ลองคิดดูขนมหวานสไตล์อเมริกัน ซึ่งแอดกอหญ้าลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้ เกริ่นมานานหิวแล้ว มาทำขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัมจัดไปค่ะ อร่อยเด็ดแสงออกปาด มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัมกันเลยค่ะ
สูตรขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม
– พุดดิ้งขนมปัง
ขนมปังวัน 6 ชิ้น (ฝรั่งเศสหรืออิตาลี)
2 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ถ้วยน้ำตาล
อบเชย 1 ช้อนชา
ไข่ 4 ฟอง
นม 2 ถ้วย
เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
ลูกเกดไร้เมล็ด 1/2 ถ้วย
วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา
– ซอสรัม
นม 2 ถ้วย
เนย 1/2 แท่ง
น้ำตาล 1/2 ถ้วย
ลูกจันทน์เทศ 1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลาสกัด 1 ช้อนโต๊ะ
เหล้ารัมเพื่อปรุงรส
น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
แป้ง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม
เปิดเตาอบที่ 350˚F
หั่นหรือฉีกขนมปังเป็นชิ้นเล็ก ๆ วางลงในจานอบและผสมกับอบเชย ลูกเกด และเนยละลาย
ปิ้งขนมปังในเตาอบ
ในขณะเดียวกัน ผสมไข่ น้ำตาล นม และวานิลลา
เพิ่มส่วนผสมนี้ลงในขนมปังที่ปิ้งแล้วคนให้เข้ากันแล้วกลับไปที่เตาอบ อบประมาณ 30 นาที
ขณะที่กำลังอบพุดดิ้ง ให้เตรียมซอสรัม ในกระทะขนาดเล็ก นำนม เนย และน้ำตาลไปต้ม รวมน้ำมันและแป้งเป็นรูส์ และใช้เพื่อทำให้ซอสข้นขึ้น นำซอสออกจากเตาแล้วใส่ลูกจันทน์เทศ วนิลา และเหล้ารัมลงไป
ราดซอสเหล้ารัมให้ทั่วพุดดิ้งขนมปังและเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/bread-pudding/recipe/louisiana-bread-pudding-with-rum-sauce
ประวัติขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม
สูตรพุดดิ้งขนมปังเป็นที่รู้จักมานานหลายศตวรรษว่าเป็นวิธีการง่ายๆ ในการนำขนมปังเก่ากลับมาใช้ใหม่ ด้วยการเติมนม สารให้ความหวาน (น้ำผึ้งหรือน้ำตาล) ไขมัน (น้ำมันหมูหรือเนย) ผลไม้แห้งและถั่ว และเครื่องเทศบางชนิด ขนมปังที่เหลือธรรมดาก็กลายเป็นของหวานที่กลมกล่อม ในยุคกลาง ซุปและสตูว์มักจะเสิร์ฟในขนมปังก้อนกลวงๆ อาหารตะวันออกกลางมีสูตรอาหารหลากหลายตามขนมปังเก่าที่ราดด้วยน้ำเชื่อมน้ำผึ้งและน้ำกุหลาบ สำหรับสหรัฐอเมริกา พุดดิ้งขนมปังได้รับความนิยมในช่วงสงครามกลางเมือง เมื่อเป็นขนมชนิดเดียวที่มีให้กองทัพทั้งสองฝ่าย ย้อนกลับไปในตอนนั้น ทหารจะทุบแครกเกอร์ ผสมกับน้ำตาล น้ำ และลูกเกด แล้วปรุงในถ้วยดีบุกโดยใช้ไฟ สูตรพุดดิ้งขนมปังที่เก่าแก่ที่สุดสูตรหนึ่งมาจากตำราอาหารในปี ค.ศ. 1747 ศิลปะแห่งการทำอาหารที่ทำได้ง่ายและเรียบง่าย และแนะนำให้ต้มพุดดิ้งแทนการอบ สูตรที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้พัฒนาขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และหลังจากช่วงเวลาของข้อห้าม ได้มีการปรับปรุงสูตรด้วยซอสที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้ารัมหรือซอสวิสกี้
วัตถุดิบขนมปังพุดดิ้งกับซอสรัม
bread
ขนมปัง (Bread) เป็นอาหารที่ทำจากแป้งสาลีที่ผสมกับน้ำและยีสต์ หรือผงฟู นอกจากนี้ยังมีการใช้ส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อแต่งสี รสชาติและกลิ่น แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของขนมปัง และ แต่ละประเทศที่ทำ โดยนำส่วนผสมมาตีให้เข้ากันและนำไปอบ ขนมปังมีหลายประเภท เช่น ขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังไรย์ หรือแม้กระทั่งเพรตเซิล ของขึ้นชื่อประเทศเยอรมนี
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
cinnamon
อบเชย (Cinnamon) เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ได้มาจากเปลือกไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย แท่งอบเชยมีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แห้งที่หดงอหลังจากโดนความชื้น มักจะเรียกตามแหล่งเพาะปลูกเช่น อบเชยจีน อบเชยลังกา อบเชยญวน เป็นต้น ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะภูมิอากาศไม่เหมาะสม
eggs
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้
milk
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
raisins
ลูกเกด (Raisins) เป็นของแปรรูปจากองุ่น โดยการนำเอาองุ่นสดมาตากจนแห้งเป็นสีน้ำตาลจนเกือบเป็นสีดำ หรือในปัจจุบันจะมีการนำไปอบแห้ง แล้วสีของลูกเกดจะเป็นสีทอง เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ที่ยับยั้งการเกิดโรคความเสื่อมทั้งหลาย มีแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, ไนอาซิน, โฟลาซิน, วิตามิน A และวิตามิน C
vanilla
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม
rum
เหล้ารัม (Rum) เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อย โดยนำเอากากน้ำตาลหรือ Molasses ไปหมักและผลิตออกมาเป็นสุรา แหล่งผลิตเหล้ารัมส่วนใหญ่ของโลกนั้นมาจากแถบหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนและบางพื้นที่ของประเทศในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก
nutmeg
จันทน์เทศ (Nutmeg) ถือเป็นเครื่องเทศที่สามารถนำมาทำประโยชน์ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะนำมาปรุงอาหาร หรือจะนำมาทำเป็นยาก็ได้ผลดีเช่นกัน เกือบจะทุกส่วนของต้นจันทน์เทศสามารถนำมาทำประโยชน์ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูก เมล็ด หรือดอก ก็ตาม โดยแต่ละเชื้อชาติจะนำมาใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
Post Views:
425