พายแอปเปิล Apple Pie
พายแอปเปิล Apple Pie ถ้าคุณกำลังหาเมนูพายแอปเปิลแสนอร่อย แอดแก้วตาขอบอกว่า …บิงโก… มาถูกที่แล้วค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะแอดแก้วตาขอนำเสนอพายแอปเปิล พายแอปเปิล อันแสนหอมหวาน กลมกล่อมด้วยแอ๊ปเปิลที่เปรี้ยวหวานกำลังดี พายครัสกรุบกรอบหอมเนย เป็นของหวานตบท้ายมื้ออาหารที่แสนวิเศษสุด ลองจินตนาการถึงสไตล์สไตล์อเมริกัน ซึ่งแอดแก้วตาลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว บรรยายซะเห็นภาพน้ำลายไหล มาทำพายแอปเปิลกันเลยค่ะ อร่อยเด็ดทำให้คนชม มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูพายแอปเปิลกันเลยค่ะ
สูตรพายแอปเปิล
– สำหรับพายครัส
แป้งเอนกประสงค์ 2 1/2 ถ้วย (300 กรัม)
น้ำตาล 4 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เนยเย็นหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 14 ช้อนโต๊ะ (210 กรัม)
ไข่ไซต์ใหญ่ 1 ฟอง ตีเบา ๆ ด้วยน้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
– สำหรับการส่วนไส้
น้ำมะนาวคั้นสด 2 ช้อนโต๊ะ
แอปเปิ้ลอบ 3 ปอนด์ (1350 กรัม) เช่น Golden Delicious, Cortland หรือ Mutsu
น้ำตาล 2/3 ถ้วย (140 กรัม) และอีกมากสำหรับโรยบนพาย
เนยจืด 1/4 ถ้วย (55 กรัม)
อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา
ลูกจันทน์เทศบดละเอียด
ไข่ไซต์ใหญ่ 1 ฟอง ตีเบาๆ
วิธีทำพายแอปเปิล
หั่นเนยเป็นชิ้นเล็กๆ นวดส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล และเกลือจนเข้ากัน อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆควรยังมีเศษเนยกระจายอยู่ทั่วส่วนผสม
นวดกับไข่จนเข้ากันดี หากเพื่อนๆพบว่าแป้งยังไม่นุ่มพอ ให้เติมน้ำเย็นเล็กน้อย
ปั้นเป็นก้อน ห่อด้วยฟิล์ม แล้วเก็บในตู้เย็นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
ปอกเปลือกและแกนแอปเปิ้ลแล้วหั่นเป็นแปดเสี้ยว ผสมแอปเปิ้ลกับน้ำมะนาวในชาม แล้วใส่น้ำตาลลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน
ละลายเนยในกระทะขนาดใหญ่บนไฟร้อนปานกลางถึงสูง แล้วใส่แอปเปิ้ลลงไป ปรุงอาหารกวนอย่างต่อเนื่อง เมื่อน้ำตาลละลาย ให้เคี่ยวเป็นเวลาสองนาที จากนั้นปิดฝาและปรุงอาหารอีกเจ็ดนาที
ระบายแอปเปิ้ล แต่อย่าทิ้งน้ำผลไม้
เคี่ยวน้ำผลไม้ในกระทะบนไฟร้อนปานกลางจนข้นและคาราเมลประมาณ 10 นาที
รวมน้ำข้น แอปเปิ้ล และเครื่องเทศในชามผสมพอ จากนั้นตั้งชามไว้และรอจนกว่าส่วนผสมจะเย็นสนิท
แบ่งแป้งครึ่งหนึ่ง ร่อนแป้งบนโต๊ะพื้นผิวเรียบเล็กน้อย วางแป้งครึ่งหนึ่งลงบนพื้นผิวที่ร่อนแล้ว แล้วคลึงแป้งออกเป็นทรงกลม 11-12 นิ้ว (28-30 ซม.) ทำเช่นเดียวกันกับแป้งอีกชิ้น
วางชั้นวางไว้ที่ด้านล่างสุดของเตาอบ แล้วตั้งเตาอบให้ร้อนที่ 375 องศาฟาเรนไฮต์ (190°C)
ปิดด้านล่างและด้านข้างของถาดพายขนาด 9 นิ้ว (23 ซม.) ด้วยแป้งชิ้นเดียว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแป้งครึ่งนิ้วยื่นออกมา
เติมเปลือกพายด้วยไส้แอปเปิ้ลจากนั้นเคลือบขอบแป้งด้วยการล้างไข่แล้ววางแป้งอีกชิ้นหนึ่งไว้ด้านบนเพื่อให้ครอบคลุม พับขอบใต้ขอบถาดพายแล้วกดเพื่อปิดผนึก เพื่อนๆสามารถจีบขอบได้ตามต้องการเพื่อตกแต่ง
แปรงด้านบนของพายด้วยการล้างไข่แล้วโรยพื้นผิวด้วยน้ำตาล
ทำกรีดแป้งเพื่อให้ไอน้ำออกมาระหว่างการอบ
ก่อนอบ ให้เก็บพายไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 15 นาที
นำเข้าอบประมาณ 50 นาที จนเป็นสีเหลืองทอง แล้วจึงพักบนตะแกรงให้เย็น สำหรับคำแนะนำในการอบ โปรดดูเคล็ดลับการอบในส่วนเคล็ดลับการทำอาหารของเราในเว็บไซต์
เสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/apple-pie/recipe/all-american-apple-pie
ประวัติพายแอปเปิล
แม้ว่าพายแอปเปิลจะเป็นของหวานอเมริกันมากที่สุด อันที่จริงพายแอปเปิลเป็นสิ่งประดิษฐ์ของอังกฤษ โดยมีสูตรเก่าแก่ที่สุดตั้งแต่ พ.ศ. 1381 ประวัติของพายแอปเปิลในอเมริกาเริ่มต้นจากผู้แสวงบุญที่นำพายและแอปเปิลพันธุ์ยุโรปมาปรุงใหม่ บ้านเกิด; อย่างไรก็ตาม พายแอปเปิลที่เรารู้จักในทุกวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองจนกระทั่งศตวรรษที่ 19 เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ฝังแน่นในวัฒนธรรมและศาสตร์การทำอาหารของอเมริกา มากเสียจนตั้งแต่ทศวรรษ 1940 คำพูดที่ว่า „เป็นคนอเมริกันอย่างพายแอปเปิล“ ถูกใช้เพื่อแสดงความรักชาติ
วัตถุดิบพายแอปเปิล
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
lemon
เลมอน (lemon) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง ในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด เนื้อผลฉ่ำน้ำ และมีรสเปรี้ยว
apple
“แอปเปิ้ล” หนึ่งในผลไม้ที่คนไทยคุ้นเคย นอกจากกินสดๆ แล้วยังสามารถนำมาทำได้หลากหลายเมนูทั้งคาว-หวาน เครื่องดื่ม และยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่ ช่วยต้านมะเร็ง ลดความอ้วน ส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น บำรุงหัวใจ มีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่เริ่มมื้ออาหารด้วยแอปเปิ้ลนั้นได้รับแคลอรี่น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานถึง 200 แคลอรี่ ทั้งนี้ก็เพราะแอปเปิ้ลเต็มไปด้วยเส้นใยและน้ำ ทำให้ผู้ที่บริโภคกินแล้วรู้สึกอิ่ม จากการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากเมื่อรับประทานแอปเปิ้ลต่อเนื่องกัน 10 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 1 กิโลกรั ม แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจาก มีไฟเบอร์ที่สามารถละลายน้ำซึ่งมีคุณสมบัติลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด นอกจากนี้ยังมีโพลีฟีนอลซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี มีการศึกษาพบว่า การบริโภคอาหารที่มีโพลีฟีนอล อาทิ แอปเปิ้ล ลูกแพร์ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลดลง 20%
cinnamon
อบเชย (Cinnamon) เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ได้มาจากเปลือกไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย แท่งอบเชยมีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แห้งที่หดงอหลังจากโดนความชื้น มักจะเรียกตามแหล่งเพาะปลูกเช่น อบเชยจีน อบเชยลังกา อบเชยญวน เป็นต้น ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะภูมิอากาศไม่เหมาะสม
nutmeg
จันทน์เทศ (Nutmeg) ถือเป็นเครื่องเทศที่สามารถนำมาทำประโยชน์ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะนำมาปรุงอาหาร หรือจะนำมาทำเป็นยาก็ได้ผลดีเช่นกัน เกือบจะทุกส่วนของต้นจันทน์เทศสามารถนำมาทำประโยชน์ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูก เมล็ด หรือดอก ก็ตาม โดยแต่ละเชื้อชาติจะนำมาใช้ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
Post Views:
438